ครั้งหนึ่งกับหน้าที่แม่
#ครั้งหนึ่งกับหน้าที่แม่ ย้อนกลับไปตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ความรู้สึกแรกคือ จริงหรอ? นี้เรากำลังจะเป็นแม่คนแล้วจริงๆหรอ... เพื่อความแม่นยำสุด ที่ตรวจครรภ์ก็ไม่ได้ตรงเสมอไป ชวนสามีไปพบคุณหมอ ทั้งตรวจฉี่ ตรวจเลือด ละเอียดที่สุด จะได้ไม่ดีใจเก้อ ผลคือ "ท้อง" และท้องได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ไม่รอช้ารีบหารพ.ฝากครรภ์ทันที เมื่อได้ที่ฝากครรภ์คุณหมอก็ซาว์ดเพื่อเช็คว่า เด็กในครรภ์มีลักษณะอย่างไรแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่จะเจอ เพราะอายุครรภ์หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น... แต่ปรากฎว่าเจอนะจ๊ะ เป็นจุดเล็กๆ จุดที่กำลังกำเนิด ความสุขของแม่ ตื่นเต้นดีจัง แม่ใช้เวลาในทุกๆวันไปกับการดูแลตัวเองมากขึ้น เริ่มทานอาหารที่มีประโยชน์ หาโหลดแอพฯที่สอนการดูแลตัวเอง แอพฯที่ติดตามพัฒนาการของลูก รวมถึงเริ่มศึกษาการเลี้ยงลูกด้วยตนเอง จากไตรมาสแรก สู่ไตรมาสที่สอง ร่างกายก็เริ่มปรับเปลี่ยน มีน้ำมีนวล อวบอ้วนได้ที่ แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหาร ที่ต้องการส่งต่อให้กับลูกในครรภ์ เมื่อถึงอายุครรภ์ที่สามารถสัมผัสถึงการดิ้นของลูกได้ เป็นอะไรที่วิเศษมาก แม่ลูบท้องคุยกับลูกในครรภ์รู้เรื่อง ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ดีต่อใจคนเป็นแม่เหลือเกิน มาถึงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น เพราะเวลาที่จะได้เจอกับลูกใกล้เข้ามาทุกที... จนกระทั่งคืนวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563 เริ่มรู้สึกปวดหน่วงถี่มาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อน สามีไม่ลังเล ตัดสินใจรีบไปโรงพยาบาลก่อนจะเคอร์ฟิว เวลาประมาณ 20:30 น. ถึงโรงพยาบาล คุณหมอให้แอดมิทเฝ้าดูอาการทันที (อาจดูเหมือนน่าตกใจ แต่เป็นธรรมดาหากแม่หน่วงมากและถี่ คุณหมอต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด) คืนแรกกับการนอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการ ทั้งให้น้ำเกลือ ทั้งให้ออกซิเจน งดอาหารรวมถึงเช็คปากมดลูก ทุกอย่างเริ่มดูน่ากังวล และคืนนี้ปากมดลูกเปิด 1 ซม.เท่านั้น จึงต้องรอดูว่าเช้าวันใหม่ปากมดลูกจะเปิดเพิ่มไหม... ตลอดทั้งคืนตั้งแต่ตีสอง ถึง หกโมงเช้า แทบไม่ได้นอน เพราะมดลูกเริ่มส่งสัญญาณความหน่วงถี่อย่างต่อเนื่อง บอกเลยว่า ทรมานสุดๆ ปวดแบบนอนไม่ได้ นอนนิ่งๆไม่หาย หายใจสูดเข้าลึกๆอาจช่วยได้ แต่ก็ยังไม่หาย ช่วงเวลานั้นไม่รู้ว่าถ่วงกี่รอบ รู้แต่ว่าช่างยาวนานเหลือเกินกว่าจะผ่านไปแต่ละหน่วง เช้าวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563 เวลา 06:30 น. คุณหมอเข้าตรวจเช็คอัตราการเต้นหัวใจลูก ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด แต่ยังคงหน่วงอย่างต่อเนื่อง ถี่ขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอจึงขอเช็คปากมดลูก ซึ่งตอนนี้เปิดได้ 3 ซม.แล้ว และยังต้องนอนรอต่อไป เพราะกว่าจะคลอดได้ปากมดลูกต้องเปิดถึง 10 ซม. #ทำไมถึงต้องรอปากมดลูกเปิด เพราะตั้งใจคลอดธรรมชาติ ตั้งใจตั้งแต่แรก คุยกับสามีมาตลอดว่าอยากคลอดธรรมชาติ ทั้งศึกษา ทั้งสอบถามข้อมูลคนใกล้ชิด ซึ่งค้นพบแต่ข้อดีทั้งลูกและแม่ที่จะได้รับ คลอดธรรมชาติข้อดีที่ลูกได้รับเต็มๆคือ ลูกจะมีภูมิต้านทานโรค ไม่เป็นภูมิแพ้ สุขภาพแข็งแรง ส่วนข้อดีที่แม่จะได้รับคือ ฟื้นตัวเร็วหลังคลอด ให้นมลูกได้ทันที แผลเย็บนิดเดียว ไม่มีแผลเป็น เวลา 08:45 น. คุณหมอเข้าตรวจร่างกายอีกครั้ง และเช็คปากมดลูก ซึ่งรอบนี้ปากมดลูกเปิด 5 ซม. (เป็นช่วงที่ทรมานสุดๆแล้วจริงๆ ดิ้นทุรนทุรายจากอาการมดลูกหน่วงถี่มากขึ้น) จำได้ว่าดิ้นเกือบ 2 ชม. ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องไหว ต้องสู้...แต่!เกือบสู้ไม่ไหวแล้วจ้า โทรหาสามีพร้อมกับร้องไห้ไป บอกสามีว่า "ขอผ่าคลอดนะ ไม่ไหวแล้ว ไม่ทนแล้ว ไม่คลอดแล้วธรรมชาติ พอกันที ทรมานจะตายอยู่แล้ว" สรรหาทุกคำที่จะบอกให้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บที่แสนทรมานนี้ สามีก็ให้กำลังใจขั้นสุด สุดจริงๆ และในที่สุดก็ไม่ทนอีกต่อไป เรียกพยาบาล บอกขอพบหมอ ขอผ่าคลอด ร้องไห้ออกมาลั่นห้องแบบไม่อายใคร... แต่ประโยคที่พยาบาลตอบกลับมาคือ " ตั้งใจคลอดธรรมชาติไม่ใช่เหรอ ตั้งใจแล้วต้องไปให้สุด ทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจ" ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่โคตรเจ็บเลยนะ แต่มันทำให้เราฉุกคิด! เตือนสติ ดึงสมาธิกลับมา กำหนดจิตบอกตัวเอง ฉันต้องผ่านไปให้ได้.... จนเวลาล่วงเลยไปถึง 09:53 น. พยาบาลเข้ามาแจ้งว่า ให้เตรียมตัวเข้าห้องคลอด!! เป็นประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกยิ่งกว่าลุ้นรางวัลเลขท้าย ในใจก็ถามตัวเองว่า..นี้ฉันกำลังจะได้คลอดแล้วหรอ ความรู้สึกที่โคตรทรมานนี้กำลังจะหมดไปแล้วใช่ไหม... 10:25 น. พยาบาลตามคุณหมอเช็คปากมดลูก ตอนนี้ก็เปิดได้ 8 ซม.แล้ว แต่ขอคุณหมอคลอดเลยได้ไหม ไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกเจ็บมันทวีคูณเป็นร้อยเท่า และรู้สึกกลั้นไม่ไหว หน่วงถี่มากกว่าเดิมจนรู้สึกเหมือนลูกอยากจะออกมาแล้ว คุณหมอจึงช่วยเบื้องต้นโดยการฉีดยาแก้ปวดให้ ก็ยังไม่หายปวด แต่มีอาการง่วงซึมเข้ามาแทน จนกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะฤทธิ์ยาและฤทธิ์มดลูกถ่วง คุณหมอจึงถามว่า อยากลองเบ่งคลอดดูไหม? ไม่ต้องคิดนาน ตอบอย่างไว "คลอดเลยค่ะ เบ่งเลยค่ะคุณหมอ" เวลา 10:55 น.เริ่มทำการเบ่งคลอดทั้งที่สภาพซึมยาแก้ปวดและง่วงมาก ก็เบ่งคลอดตามสภาพนั้นเลย ทั้งง่วง ทั้งปวด ทรมานมาก ตาก็จะปิด แรงเบ่งก็ต้องมี ทุกอย่างใช้สมาธิล้วนๆจริงๆ ฟังสัญญาณจากคุณหมอ พร้อมเบ่ง พร้อมเบ่ง... ใช้เวลาเบ่งอยู่เกือบครึ่งชม.ในที่สุด เวลา 11:23 น. ลูกหว้าตัวน้อยของแม่ ก็ได้ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย แม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ #คลอดธรรมชาติ หลังจากคลอดลูกออกมาเสร็จ ความรู้สึกเจ็บ หายไปหมดสิ้น คงเหลือไว้ซึ่งความเจ็บปวด ที่แสนงดงามในความทรงจำของวันนี้ #แม่ทำสำเร็จแล้วลูก ? ขอบคุณสามีที่คอยอยู่เคียงข้างกัน เชื่อมั่นว่าเมียทำได้ ขอบคุณที่ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ทำหน้าที่สามีได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆค่ะ รัก รักมากขึ้นทุกวัน ❤ และขอบคุณที่อดหลับอดนอน พลัดกันเลี้ยงดูลูกนะคะที่รัก ??? ปล.ขอบคุณนะคะทุกคนที่อ่านจบ เชื่อว่าประสบการณ์นี้จะเป็นเรื่องราวดีๆ ให้ร่วมยินดีและมีรอยยิ้มไปพร้อมๆกันนะคะ
เป็นคุณแม่ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และรีวิวทุกอย่างค่ะ