ประสบการณ์การตั้งครรภ์มีภาวะแท้งคุกคามตั้งแต่ 5 สัปดาห์ ต้องนอนติดเตียงเพราะมีภาวะปากมดลูกสั้น ต้องหาหมอทุกอาทิตย์เพื่อวัดความยาวปากมดลูก ถ้าเหลือไม่ถึง 2.5 เซนต้องทำการเย็บปากมดลูกเพื่อพยุงการตั้งครรภ์ และสอดยากันแท้งทุกวัน พอถึงสัปดาห์ที่ 20 ตรวจปากมดลูกพบว่าปากมดลูกสั้นเหลือ 2.3 เซน ต้องทำการเข้าเย็บปากมดลูก พอเย็บปากมดลูกเสร็จหลังเย็บมีอาการท้องแข็งถี่ จนหมอบอกว่าถ้าท้องแข็งถี่เรื่อยๆอาจจะต้องคบอดและเสียน้อง เพราะโดยปกติจะรับเด็กที่ 24 week ขึ้นไป ตอนนั้นกังวลมากๆเพราะกลัวซ้ำรอยเดิม เคยเย็บปากมดลูกครั้งก่อนแชะไม่สามารถพยุงได้ เย็บตอนบ่าสาม สามทุ่มคลอด น้องเสียตอนคลอดเลยค่ะ แต่มีพยาบาลท่านนึงมาคอยให้สติเตือนว่าให้ผ่านไปให้ได้ เราเลยมีแรงสู้และท้องก็หายแข็งเลยค่ะ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านได้ ครั้งนี้เย็บเสร็จความยาวปากมดลูกเหลือ 1.9 ซึ่งยาวน้อยมาก พยายามเดินให้น้อยที่สุด เรียกได้ว่าติดเตียงเลย ออกไปข้างนอกแค่เวลาหมอนัด จนถึงวันที่ 7/02/2566 มีอาการปวดท้องบีบตัว จนทนไม่ไหว ตี3 ไปหาหมอ หมอตรวจดูปากมดลูกยังไม่เปิด นอนให้ยาระงับคลอดอยู่ 2 วัน เอาฉี่ไปตรวจดูพบว่ากระเพาะปัสาวะอักเสบเนื่องจากทานน้ำน้อยและกั้นฉี่จึงทำให้มดลูกบีบตัว จนวันที่ 8/02/2566 เวลา 13.00 เข้าห้องน้ำพบว่ามีมูกเลือดออกมา หมอจึงตรวจสอบไหมที่เย็บปากมดลูกพบว่าไหมคลายตัวจึงจำเป็นต้องตัดด่วน พอตัดไหมที่เย็บปากมดลูกออกปากมดลูกเปิด 4 เซน รอคลอดจน 9 โมงเช้า น้ำหนักแรกคลอดน้อง 1,290 กรัม ตอนนั้นกังวลมากต้องเข้าห้องวิกฤตเด็กแต่น้องสู้มากอยู่ห้องวิกฤตเด็ก 7 วัน มาอยู่ห้องกึ่งวิกฤต เด็กอีก 52 วัน รวมอยู่โรงพยาบาลทั้งสิ้น 59 วัน
ขอขอบคุณหมอและพยาบาลเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ฝากครรภ์จนน้องคลอดและออกมา ❤️
#โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
กันตินันท์ กระตือหน