อาการท้องผูกที่เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์อาจบรรเทาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการรับประทานเช่นเดียวกับอาการท้องผูกในคนทั่วไป โดยปฏิบ้ัติตามวิธีดังต่อไปนี้
รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ให้มากขึ้น การเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารในมื้ออาหารจะกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายและช่วยให้อาการท้องผูกดีขึ้นได้ ควรรับประทานไฟเบอร์ที่มาจากผัก ผลไม้ หรือธัญพืชไม่ขัดสีให้ได้อย่างน้อย 25-30 กรัมต่อวัน
ดื่มน้ำให้มาก นอกจากการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ไฟเบอร์ทำงานได้มากขึ้นและส่งผลดีต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้คุณแม่ได้รับน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอีกด้วย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณแม่ที่ออกกำลังกายน้อยจะยิ่งเสี่ยงต่ออาการท้องผูกได้ ดังนั้น แม้จะตั้งครรภ์ก็ควรหมั่นออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการเดิน ว่ายน้ำ โยคะ หรือออกกำลังกายตามความเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้
ลดหรือเลี่ยงการใช้อาหารเสริมธาตุเหล็ก การลดปริมาณอาหารเสริมธาตุเหล็กและหันมารับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณธาตุเหล็กที่คุณแม่ต้องการในแต่ละวัน เพื่อจัดสรรปริมาณอาหารที่มีธาตุเหล็กได้อย่างเพียงพอและเหมาะสม
ใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์ คุณแม่อาจใช้ยาบางชนิดที่มีขายทั่วไปตามร้านขายยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เช่น ผงไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการทำงานของระบบลำไส้และทำให้อาการท้องผูกลดลง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย
วิธีรักษาอาการท้องผูกที่ควรหลีกเลี่ยงขณะตั้งครรภ์
แพทย์มักไม่แนะนำให้สตรีมีครรภ์ใช้ยาระบายเพื่อรักษาอาการท้องผูก เนื่องจากยาชนิดนี้อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำหรือเกิดการหดตัวของมดลูกและส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ แต่หากอาการท้องผูกไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงแม้ลองทำตามวิธีต่าง ๆ ดังข้างต้นแล้ว ควรไปรับการรักษาจากแพทย์ โดยแพทย์อาจสั่งจ่ายยาระบายที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ เพื่อช่วยให้คุณแมถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรักษาอาการท้องผูกขณะตั้งครรภ์ด้วยน้ำมันมิเนอรัล เพราะอาจส่งผลทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุได้ลดลง ซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อทั้งแม่และเด็ก