Về chúng tôiChính sách bảo mậtĐiều khoản sử dụngTiêu chuẩn cộng đồngSơ đồ trang web
Tải app miễn phí của chúng tôi
คุณแม่ลูก 1
หนู 6 เดือนเองค่ะ แต่เวลาใครเห็นมีแต่คนถามว่าดี่ขวบแล้ว
แม่ที่มีลูกกำลัง 5-6 เดือน มาเล่าสู่กันฟังหน่อยจ้า ลูกๆแม่เป็นไงบ้างคะ มีรูปด้วยยิ่งดีน้า
ลูกของคุณแม่นั่งได้ตอนกี่เดือน ไหนโชว์รูปลูกและมาเม้าท์กันหน่อยค่ะ
ลูกๆของคุณแม่ นั่งได้กันตอนกี่เดือนกันคะ ฝึกลูกนั่งกันยังไงบ้าง มาเม้าท์กันทางนี้หน่อยจ้า ถ้ามีภาพก็โชว์ภาพกันหน่อยน้า #น้องเอลี่ วัย 4 เดือน กับคุณพ่อ
น้องเอลี่ ตั้งแต่ในท้อง - 4 เดือน
บันทึกการเจริญเติบโต น้องเอลี่ ตั้งแต่ในท้อง - 4 เดือน - น้ำหนักแรกคลอด = 2990 กรัม - น้ำหนัก 1 เดือน = 3.5 กก. - น้ำหนัก 2 เดือน = 6.3 กก. - น้ำหนัก 3 เดือน = 7.1 กก. - น้ำหนัก 4 เดือน = 8.1 กก. กินนมแม่ อย่างเดียว
แชร์เคล็ดลับลูกผมดกดำ ตั้งแต่ในท้อง น้องเอลี่ 1 เดือน 15 วัน
อันนี้บอกไว้ก่อนว่าเป็นประสบการณ์ และความคิดส่วนตัวของเราตอนท้องล้วนๆเลยนะคะ ยังไม่ได้มีการแพทย์ยืนยันใดๆจ้า แต่เราคิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยไม่มากก็น้อยนะคะ ตอนเราตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน ช่วงนั้นที่หลังบ้านเรามีดอกอัญชันเกิดเยอะมาก เราเลยชอบเอามาประกอบอาหารและเครื่องดื่มทานค่ะ 1. ทำน้ำอัญชัน น้ำผึ้งมะนาว - คั้นน้ำจากดอกอัญชันสด ตามปริมาณที่เราต้องการ จากนั้นน้ำไปต้มพออุ่นๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่อย่าร้อนจัดจนไปทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์ - ตักน้ำอัญชันใส่แก้ว ใส่น้ำผึ้ง บีบมะนาว ปรุงรสตามชอบ ทานอุ่นก็ได้ ชุ่มคอดี หรือจะเติมน้ำแข็ง ทานเย็นๆ สดชื่น คลายร้อน 2. ทอดไข่ ใส่ดอกอัญชัน - อันนี้่ง่ายและสะดวกมากค่ะ นำดอกอัญชันสด มาล้างทำความสะอาด แล้วเอามาเจียวใส่ไข่ ทอดฟูๆ ทานกับข้าวสวย * จริงๆยังมีอีกหลายเมนูที่ใช้อัญชันเป็นส่วนผสม แต่ 2 เมนูนี้ เราทำกินบ่อยที่สุด ตั้งแต่ท้อง 6 เดือนยันคลอดเลยค่ะ ลูกเราออกมาผมดกดำมาก เกิดเต็ม สม่ำเสมอไม่มีแหว่งเว้า ตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ หมอ พยาบาล ยังชมว่าผมน้องดกดำสวยมาก ตอนนี้น้องเพิ่งอายุได้ 1 เดือนกับอีก 15 วันเองค่ะ ผมน้องยาวขึ้นทุกวัน เราไม่ได้โกนผมไฟให้นะคะ ผมน้องดกดำสวยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องโกนเลย และบ้านเราไม่มีความเชื่อเรื่องโกนผมไฟค่ะ ส่วนเรื่องกรรมพันธ์ก็ใช่(แต่เราและสามีตอนเกิดก็ไม่ได้ผมเยอะแบบนี้นะคะหัวเหม่งกว่านี้เยอะ) และเรื่องอัญชันก็ส่วนนึงจ้า เลยอยากจะมาแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับแม่ๆ
แชร์!!..ประสบการณ์ฝากครรภ์ฟรี กับ รพ.รัฐ (ฝากธรรมดา สิทธิ์บัตรทอง 30 บ.)
หลังจากที่เราลุ้นอยู่นานกับแฟน ก็สำเร็จสักที ในวันที่เราซื้อชุดตรวจครรภ์มาจุ่มดูแล้วขึ้น 2 ขีด วันต่อมาเรารีบไป รพ.รัฐ ใกล้บ้านทันที หมอตรวจดูพบว่าเราตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์แล้ว ก็ได้เขียนใบเอกสารให้เราไปฝากครรภ์ที่ รพ.สต.(อนามัย) ค่ะ ตอนแรกเราก็ งง ว่าฝากที่ รพ.ใหญ่ของอำเภอนี้เลยไม่ได้หรอ ทำไมต้องไป รพ.สต.อีก ก็ได้คำตอบว่า เนื่องจากเราอยู่พื้นที่ชนบท เรื่องฝากครรภ์จะเป็นงานของ รพ.สต.ในเขตที่เราอาศัยอยู่นั้นๆ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเวลาตรวจครรภ์ก็จะมีทั้งที่ รพ.ใหญ่ และ รพ.สต. วันต่อมาเราก็ไปที่ รพ.สต.ใกล้บ้านเพื่อฝากครรภ์ค่ะ ไปถึงเราก็ยื่นเอกสารที่หมอให้มา เจ้าหน้าที่เค้าก็จะรู้เลยค่ะ เค้าก็จัดการตรวจร่างกาย เก็บฉี่ เก็บเลือด เพื่อส่งตรวจ ซักประวัติว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเบาหวานมัย และได้สมุดสีชมพูมาค่ะ เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ดีมาก ให้ยาบำรุงครรภ์ และนัดฟังผลเลือด+อัลตราซาวด์ที่ รพ.ใหญ่ในอีก 7 วันต่อมา คือเราจะได้ไปทั้ง รพ.สต. และ รพ.ใหญ่ แบบนี้ทุกเดือนจนคลอดค่ะ ถ้าเป็นการตรวจครรภ์เล็ก เช่น ดูว่าน้ำหนักเป็นไปตามเกณฑ์ วัดขนาดหน้าท้อง มีผิดปกติอะไรมัย ให้คำแนะนำเบื้องต้นต่างๆ เป็นต้น จะนัดไปที่ รพ.สต.ค่ะ แต่ถ้าเป็นการฟังผลตรวจต่างๆ อัลตร้าซาวด์ อบรม รร.พ่อแม่ จะนัดไปที่ รพ.ใหญ่ เราชอบการเข้าอบรม รร.พ่อแม่มากค่ะ โดยแบ่งเป็นไตรมาสดังนี้ ไตรมาสแรก จะเข้าอบรม รร.พ่อแม่ 1 เป็นการแนะนำเบื้องต้นว่าช่วงนี้จะเจอกับอะไรบ้าง เราต้องดูแลตัวเองยังไง ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ ไตรมาสที่ 2 เข้าอบรม รร.พ่อแม่ 2 เป็นการแนะนำเน้นเรื่องอาหารการกิน การดูแลตัวเองและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในครรภ์ ไตรมาสที่ 3 เข้าอบรม รร.พ่อแม่ 3 เป็นการแนะนำสิ่งที่ต้องเจอในช่วงนี้ อะไรที่ห้ามทำ เรื่องวิธีนับลูกดิ้น เตรียมตัวเป็นพ่อแม่ หาของเตรียมคลอด อาการใกล้คลอด ซึ่งเค้าจะเน้นให้เข้าอบรม ทั้งพ่อและแม่เด็ก ได้ความรู้และสนุกมากๆค่ะ เพราะเค้าจะมีกิจกรรมดีๆให้พ่อและแม่เด็กต้องทำร่วมกันระหว่างอบรมด้วย จนถึงวันที่เจ็บท้องคลอด 38 สัปดาห์ เราน้ำคล้ำแตก ไปนอนรอคลอดที่ รพ.ใหญ่ ตั้งแต่ตอน 5 ทุ่ม จนบ่าย 3 ของอีกวัน ปากมดลูกก็เปิดแค่ 7 ซม. หมอตัดสินใจผ่าคลอดให้เพราะปากมดลูกเปิดช้า ลมแบ่งน้อย ถ้าปล่อยให้คลอดเองจะเสี่ยงมาก เลยได้ผ่าคลอดฉุกเฉิน เจ็บ 2 ต่อเลยจ้า เจ็บคลอด และ เจ็บหลังผ่าคลอด? ได้แผลตะขาบแนวตั้งยาวถึงสะดือ นอน รพ.ต่ออีก 4 วัน ระหว่างนั้น พยาบาลจะสอนเรื่องการให้นมแม่ เอาลูกเข้าเต้ายังไง ปั้มนมแบบไหน สอนอาบน้ำเด็ก สอนเรื่องการดูแลเด็กทารก ดูแลแผลหลังผ่าคลอดจนเราออกจาก รพ.นึกว่าคลอดแล้วจะจบซะอีก ช่วงเรากลับบ้านได้ 7-10 วัน ก็จะมีเจ้าหน้าที่จาก รพ.สต.มาเยี่ยมเราถึงที่บ้านตรวจทั้งแม่และเด็กหลังคลอด ซึ่งดีมากเลยเจ้าหน้าที่ดูแลและเอาใจใส่เรากับลูกดีมากๆ และมีการนัดให้ไปทับหม้อเกลือ(อยู่ไฟ)ที่ รพ.อีก แผนกแพทย์แผนไทย ของเราผ่าคลอดจึงต้องรอให้แผลหาย 37 วันถึงไปทับหมอเกลือได้ ถามว่าทับหม้อเกลือมีอะไรบ้าง เค้าจะนวดตัวเรา ทับหมอเกลือที่หน้าท้อง เข้าตู้อบสมุนไพร จิบน้ำมะตูมใส่หญ้าหวานอุ่นๆปิดท้าย ซึ่งเราจะสบายตัว และผ่อนคลายมากๆจ้า หลังทำเราจะสดชื่น คลายปวดเมื่อย ผิวพรรณผ่องขึ้นมีน้ำมีนวล น้ำนมมาดีขึ้น ช่วยให้หน้าท้องลดมดลูกเข้าอู่เร็วด้วยค่ะ ของเราหมอจะนัดทับหมอเกลือแบบนี้ไปอีกจนครบ 7 ครั้งค่ะ ไม่ใช่ทำให้ครั้งเดียวจบนะ ดีมากเลยอันนี้อิแม่ชอบมากค่ะ ** ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เรายังไม่เคยได้เสียเงินสักบาทเลยค่ะ ฟรี จริงๆ 30 บ.ก็ไม่ได้เสียค่ะ ตั้งแต่ฝากครรภ์ อัลตร้าซาวด์ คลอด จนถึงหลังคลอด ไม่ได้เสียเงินสักครั้ง แถมเจ้าหน้าที่ดูแลเราดีมาก ใส่ใจมาก เราว่าเหมาะสำหรับพ่อแม่ที่รายได้ไม่เยอะแบบเราดีค่ะ ช่วยเราประหยัดได้เยอะเลยมีเงินเหลือเก็บไว้ใช้จ่ายเลี้ยงลูกหลังคลอด จึงอยากมาเล่าสู่กันฟังเผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการตัดสินใจให้ของแม่ๆที่กำลังคิดว่าจะฝากครรภ์แบบไหนที่ไหนดี ฝากครรภ์ฟรีกับ รพ.รัฐก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดีค่ะ
แม่ๆบ้านไหนเลยทานยาประสระน้ำนมตัวนี้บ้างค่ะ
แม่บ้านไหนเคยทานยาประสระน้ำนมตัวนี้บ้างค่ะ ทานแล้วน้ำนมมาดีมัย? * แม่บ้านนี้ตั้งแต่คลอดผ่านมา 1 เดือน ก็ให้ลูกเข้าเต้าตลอดทุก 2 ชม. และทานน้ำต้มหัวปลี, น้ำขิง ตอนแรกๆน้ำนมมาดี ทั้งเข้าเต้า ทั้งปั้ม 2 เต้ารวมกันได้ทีละ 4-5 oz. แต่ตอนนี้น้ำนมลดน้อยลงเฉยเลยลูกเข้าเต้าเป็น ชม.แต่ยังร้องกินไม่อิ่ม ปั้ม 2 เต้ารวมกันได้แค่ 1-2 oz.เอง บางทีก็ไม่ถึงออนค่ะ
หนักใจค่ะ ญาติผู้ใหญ่ จะให้เราป้อนข้าวบด ป้อนน้ำ ให้ลูก ตั้งแต่อายุ 1 เดือน
หนักใจค่ะ ญาติผู้ใหญ่ท่านหวังดี จะให้เราป้อนข้าวบด ป้อนน้ำ ให้ลูกตั้งแต่ 1 เดือน แต่!! "เราไม่เห็นด้วยค่ะ" หมอเค้าก็เตือนว่าอย่าให้เด็กกินอะไรนอกจาก "นม" จะกล้วยบด จะข้าวบด ก็ห้าม เพราะกระเพาะเด็กเล็กยังย่อยของพวกนั้นไม่ได้ ให้อายุ 6 เดือนขึ้นไปก่อน ค่อยให้กิน ไม่งั้นเด็กจะท้องอืด ลามไปถึงลำไส้อักเสบ เด็กบางคนถึงขั้นเสียชีวิต เพราะย่อยของพวกนั้นไม่ได้จนลำไส้เน่าตาย เราพยายามอธิบายตามที่หมอบอกแล้ว แต่ผู้ใหญ่ท่านไม่ฟังค่ะ ท่านให้เหตุผลว่า เลี้ยงมาแบบนี้ไม่รู้กี่คนแล้วแข็งแรงดีทุกคน ท่านบอกว่ายิ่งให้กินข้าวช้าเท่าไหร่ ลูกเราจะยิ่งเอ๋อเท่านั้น เค้าเห็นมาเยอะแล้ว เด็กที่รอจน 6 เดือนถึงให้กินข้าวจะไม่ค่อยเต็มบาทพัฒนาการช้าทุกคน(มันจริงหรอ?) แถมบอกเราอีกว่า "อย่าไปเชื่อหมอมาก" พูดบ่อย และหลายครั้งมากที่เจอหน้ากัน จนตอนนี้เราสับสนค่ะ ไม่รู้จะเอาทางไหนดี ถ้าเชื่อผู้ใหญ่ไม่อยากให้ลูกเราเอ๋อ เราก็กลัวลูกเราจะเป็นอะไรไป เพราะย่อยไม่ได้ แต่ถ้าเชื่อหมอเพราะไม่อยากให้ลูกท้องอืดลำไส้มีปัญหา ก็ขัดใจผู้ใหญ่อีก หนักใจมาก ขอ พ่อ แม่ ที่มีประสบการณ์ ช่วยแนะนำเราทีค่ะ เราควรทำไงดี ? จะไปทางไหนดี ?? *ปล.ตอนนี้ลูกเรา อายุ 20 วันเองค่ะ รอครบ 1 เดือนผู้ใหญ่เค้าจะป้อนข้าวแล้ว จะเลี่ยงยังไงดี ถ้าเป็นอะไรมาสงสารลูกค่ะ
มองหน้าแม่แบบนี้ก็อดใจไม่ไหว ถ่ายรูปเก็บไว้ซะเลย
น้องเอลี่ เพิ่งจะเกิดมา 4 วันเอง แต่สายตาสู้กล้องอิแม่เหลือเกิน
คลอดแล้วจ้า
คลอดแล้วเมื่อวาน เพิ่งได้ลงภาพวันนี้อิแม่มัวแต่สลบอยู่ ชื่อเล่น น้องเอลี่ ชื่อจริง ด.ญ.เอลินดา เพียยา เกิดวันพุธ ที่ 18 ก.ย.2562
38w ท้องปั้นทุก ชม.มา 3 วันแล้ว และวันนี้ ท้องปั้นถี่ขึ้นอีก คืออาการจะคลอดมัย?
อายุครรภ์ 38w ท้องปั้นทุก ชม.มา 3 วันแล้ว และวันนี้ ท้องปั้นถี่ขึ้นอีก เป็นทุกๆ ครึ่ง ชม. และเจ็บบีบๆ เสียดๆ แทงๆ ตรงปากมดลูกเป็นระยะ แต่ไม่มีน้ำคล่ำไหลออกมา ไม่มีมูกเลือดใดๆ เป็นอาการใกล้คลอดหรือป่าวคะ แล้วควรไปหาหมอมัย? หรือยังไม่ต้องไปจนกว่าจะมีมูกเลือดหรือน้ำคล่ำไหลออกมา ตอนนี้กังวลมากเลยค่ะ ไม่รู้จะยังไงดี ท้องแรกด้วยค่ะ