พอเริ่มท้องแก่ ก็เริ่มมีคำถามในหัวว่าจะคลอดแบบไหนดี ?
คลอดเอง หรือผ่าดีนะ.... ?
เอาจริงๆมันก็เจ็บทั้ง 2 แบบ ทีนี้ก็คงต้องเลือกวิธีไหนก็ได้ที่มีผลดีกับลูกน้อยอย่างไรบ้าง แบบไหนปลอดภัยสำหรับเรามากที่สุด ซึ่งก็แล้วแต่รายคนว่าจะปลอดภัยแบบไหนมากกว่ากัน ...
มาดูกันว่าแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย ต่างกันอย่างไรและคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างค่ะ
1. การคลอดลูกธรรมชาติ (Active Birth)
เมื่อตั้งครรภ์ครบ 40 สัปดาห์ ร่างกายของคุณแม่จะมีสัญญาณเตือนถึงกระบวนการคลอดนั่นคือ มดลูกบีบตัวเป็นจังหวะเบาๆ แล้วค่อยๆ บีบตัวแรงขึ้นและถี่มากขึ้น มีอาการน้ำเดิน ปากมดลูกค่อยๆ เปิดขึ้นจนถึง 10เซนติเมตร (ทารกค่อยๆ ดันออกมาตามจังหวะการบีบตัวของมดลูก) ทำให้ลูกสามารถดันส่วนนำ (ศีรษะ) ไหล่ แขน ลำตัว และขา ออกมาทางช่องคลอดได้อย่างสำเร็จและปลอดภัย กระบวนการคลอดลูกแบบธรรมชาตินี้ คุณแม่จะได้รับรู้ถึงความเจ็บจากการคลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุดกระบวนการคลอด
คุณแม่ต้องเตรียมตัวสำหรับการคลอดลูกแบบธรรมชาติอย่างไร?
✅ สังเกตสัญญาณเตือนการคลอด เช่น เริ่มมีอาการน้ำเดิน มดลูกบีบรัดตัวเป็นจังหวะเบาๆ สม่ำเสมอ เมื่อมีอาการเหล่านี้ก็ให้ไปโรงพยาบาลได้ทันที (โดยปกติคุณหมอจะนัดให้มาโรงพยาบาลล่วงหน้าหลายชั่วโมงก่อนคลอดเพื่อเตรียมตัว)
✅ หลังจากมาถึงโรงพยาบาล และทำประวัติเรียบร้อย คุณแม่จะถูกส่งไปที่ห้องเตรียมคลอด เพื่อตรวจภายในว่าปากช่องคลอดเปิดกี่เซนติเมตรแล้ว หลังจากนั้นจะมีการทำความสะอาดและโกนขนบริเวณหัวหน่าว สวนถ่ายปัสสาวะและอุจจาระก่อนทำการคลอดลูก
✅ เมื่อปากมดลูกเปิดถึง 10 เซนติเมตร แพทย์ก็จะช่วยทำคลอดให้จนเสร็จสิ้นกระบวนการคลอดลูกธรรมชาติ
✨ข้อดีของการคลอดลูกแบบธรรมชาติ✨
-คุณแม่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าคลอด
-คุณแม่สามารถให้น้ำนมลูกได้ทันที
-สามารถลุกเดินได้ทันทีหลังจากพักฟื้นไม่กี่ชั่วโมง
-อยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลแค่ 1-2 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้
-ค่าใช้จ่ายในการคลอดไม่สูง
✨ข้อเสียของการคลอดลูกแบบธรรมชาติ✨
-ไม่สามารถกำหนดวัน เวลาคลอดลูกที่แน่นอนได้
-ต้องทนเจ็บท้องนานหลายชั่วโมง เพราะต้องรอให้ปากมดลูกเปิดก่อน
2. การผ่าคลอด (Caesarean Section)
เป็นการผ่าคลอดลูกออกมาทางด้านหน้าท้อง ซึ่งปัจจัยที่คลอดลูกด้วยการผ่าคลอดอาจมีดังนี้ เช่น ต้องการคลอดตามฤกษ์ ร่างกายของแม่ไม่แข็งแรงพอที่จะคลอดเอง ทารกในครรภ์ไม่ได้อยู่ในท่าเอาส่วนนำ (ศีรษะ) มารออยู่ที่อุ้งเชิงกราน เป็นต้น
คุณแม่ต้องเตรียมตัวสำหรับการผ่าคลอดอย่างไร?
✅ไม่ต้องรอให้มีสัญญาณเตือนการคลอด เพราะแพทย์จะนัดวันผ่าคลอด หรือวันที่คุณแม่ต้องการคลอดตามฤกษ์ที่ต้องการ
✅งดอาหาร และน้ำอย่างน้อยประมาณ 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าคลอดลูก
✅ก่อนการผ่าคลอด พยาบาลจะทำความสะอาดบริเวณหน้าท้อง และสวนถ่ายอุจจาระและปัสสาวะให้คุณแม่
✨ข้อดีของการผ่าคลอด✨
-คุณแม่ไม่ต้องทนเจ็บท้องนานหลายชั่วโมง
-สามารถเลือกวันคลอดลลูก (ตามฤกษ์คลอดที่ต้องการ)
✨ข้อเสียของการผ่าคลอด✨
-มีภาวะเสี่ยงจากการใช้ยาสลบ หรือการต้องฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง เช่น การสำลัก
-คุณแม่ฟื้นตัวหลังคลอดลูกได้ช้ากว่าการคลอดธรรมชาติ
เจ็บแผลผ่าคลอด ทำให้ไม่สามารถลุกเดินได้ในวันแรกหลังจากผ่าคลอดลูก
-มีแผลผ่าตัดเล็กๆ บริเวณหน้าท้อง
-หลังคลอดไม่สามารถให้น้ำนมลูกได้ทันที เพราะคุณแม่จะยังมีอาการมึนยาสลบอยู่
-มีค่าใช้จ่ายในการคลอดลูกสูงกว่าการคลอดธรรมชาติ
การคลอดลูกแบบธรรมชาติ การผ่าคลอด ลูกมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกันไป คุณแม่จึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจนะคะ
ที่มา : https://www.enfababy.com
Cr.เพจท้องกลม