ลองอ่านดูนะคะ
ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากสาเหตุ
อาการปวดท้องของคนท้อง เป็นปัญหาที่มักจะพบบ่อยๆ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาการยืดขยายตัวของมดลูกและเอ็นที่รองรับมดลูก ทำมห้คุณแม่รู้สึกปวดจี๊ดๆ แปรบๆ เป็นช่วงสั้นๆ ส่วนมากจะพบมากในช่วงไตรมาสที่สองค่ะ แล้วถ้าเกิดอาการ ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง เรามาหาคำตอบกันค่ะ
1.มดลูกเอียง
การที่คนท้องรู้สึกปวดท้องทางด้านซ้าย อาจมีสาเหตุมาจากที่มดลูกของคุณเองไปทางด้านขวา ทำให้เอ็นที่ยึดมดลูกทางด้านซ้ายเกิดอาการตึง คุณแม่จึงรู้สึกเจ็บปวดเป็นระยะๆ และจะยิ่งรู้สึกเจ็บมากขึ้นตอนที่คุณแม่หัวเราะ หรือมีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ซึ่งบางครั้งอาการนี้ก็จะลามไปยังบริเวณขาหนีบได้ โดยวิธีบรรเทาอาการเจ็บนี้คุณแม่อาจต้องแก้อาการด้วยการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ค่ะ หรืออาจลองปรึกษาคุณหมอเพื่อหาแนวทางในการช่วยบรรเทาอาการปวดท้องจากคุณหมอ
2.ถุงน้ำรังไข่หรือซีสต์รังไข่
สำหรับคุณแม่บางคนอาจรู้สึกว่าปวดท้องทางด้านซ้ายล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งของรังไข่ เวลาที่คุณแม่ปวดท้องอาจสันนิษฐานได้ว่าคุณแม่เป็นซีสต์ที่รังไข่ได้ ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะว่าในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ถุงรังไข่ยังคงผลิตไข่ที่เรียกว่า คอร์ปัส ลูทีล (corpus luteum) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและสร้างอีสโทรเจน ซึ่งซีสต์หรือถุงน้ำในรังไข่อาจจะฝ่อลงไปได้ หรืออาจจะซ่อนอยู่หลังมดลูกทำให้คุณหมอตรวจพบได้ยาก แต่ถ้าถุงน้ำรังไข่นี้โตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วยคลอดอาจทำให้คุณแม่คลอดลูกได้ยาก เพราะว่าถุงน้ำนี้อาจไปขวางช่องคลอดลูกได้ สำหรับอาการที่พบ มีดังนี้
ปวดท้อง
ปวดปัสสาวะบ่อ
ปวดท้องบริเวณส่วนล่างและปวดหลัง
มีเลือดออกผิดปกติ
ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากสาเหตุ อันตรายไหม?
ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์เกิดจากสาเหตุ
3.ระบบทางเดินอาหาร
ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนของร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งบางครั้งอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทั้งการเกิดแก๊ซในกระเพาะและเกิดอารท้องผูก สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณแม่รู้สึกปวดท้องบริเวณด้านซ้ายได้ค่ะ แต่บางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์แต่เกิดจากอาการเจ็บปวดของร่างกาย เช่น ตับอ่อนอักเสบ หรือนิ่ว เพราะเวลาที่คุณแม่เป็นตับอ่อนอักเสบ จะทำให้รู้สึกว่าปวดท้องบริเวณกลางท้องหรือด้ารซ้ายของท้อง และมักจะแสดงอาการหลังจากที่คุณแม่กินอาหารมันมากๆ หรือเวลาที่นอนหงายค่ะ